ยุคโลกาภิวัตน์ในปัจจุบันส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศมากขึ้น การเดินทางไปต่างประเทศเพื่อประชุม ทำงาน อบรม หรือดูงานจึงกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ผู้ที่ต้องไปทำงานต่างประเทศอาจมีความรู้สึกในแง่ลบว่า ไปทำงานต่างประเทศแล้วเหนื่อย ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากไป
แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น อาจเป็นเพราะมีงานเพิ่มขึ้น ทั้งการเคลียร์เอกสารภายในบริษัทก่อนออกเดินทาง การเก็บรวบรวมข้อมูลในต่างประเทศ การทำเอกสารและรายงานต่าง ๆ การจัดตารางทำงาน และคงมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย
บริษัทของเราจึงอยากสร้างสภาพแวดล้อมที่ลดภาระดังกล่าว เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติของนักธุรกิจญี่ปุ่นให้รู้สึกสนุกสนานกับการไปทำงานต่างประเทศ ภาระทั้งหมดอาจไม่หายไปในรวดเดียว แต่น่าจะใช้แอพพลิเคชั่นเข้ามาช่วยได้บ้าง เราอยากเห็นแอพพลิเคชั่นที่เต็มเปี่ยมด้วยแนวคิดสร้างสรรค์เพื่อ "สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักธุรกิจ" ครับ

เทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมในการเดินทางของเราเปลี่ยนแปลงทุกวัน ในปัจจุบัน เราใช้เทคโนโลยี AI, IoT และ 5G เพื่อสร้างระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ แต่เทคโนโลยีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมานี้ หากมองไปข้างหน้าอีก 10 หรือ 20 ปี น่าจะมีเทคโนโลยีหรือการบริการที่สะดวกสบาย สร้างความเพลิดเพลิน และเป็นมิตร อย่างที่เราไม่อาจคาดคิดมาก่อน
ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอาจไม่จำกัดอยู่เพียงแค่การขับเคลื่อนยานพาหนะ แต่อาจต่อยอดกลายเป็นบริการที่มาพร้อมมูลค่าเพิ่ม และกลายเป็นจุดดึงดูดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในโปรเจกต์นี้ เราพร้อมเปิดรับไอเดียหลากหลายมุมมองเพื่อเปลี่ยนประสบการณ์การเคลื่อนที่ให้ผู้คนเดินทางไปที่ไหนก็ได้ทั่วโลกอย่างปลอดภัยและง่ายดายในเวลาที่ต้องการเดินทาง โดยหวังจะให้เป็น Open Innovation ที่ช่วยแก้ปัญหาสังคมในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงภูมิภาค ASEAN และเอเชียทั้งหมดร่วมกับธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วโลก

(กรุณาเลือกหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งดังต่อไปนี้เพื่อนำเสนอไอเดียการประยุกต์ใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ)
【Ａ】บริการเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมทั่วโลก
・พื้นที่บางส่วนไม่อาจเข้าถึงได้โดยระบบขนส่งอัตโนมัติ
・ไม่มีระบบขนส่งที่ไปถึงสถานที่ที่อยากไปในเวลาที่อยากไป
・กังวลใจว่าอาจมีอุปสรรคในการเดินทางเนื่องจากความแตกต่างด้านภาษาและวัฒนธรรม
【Ｂ】บริการเพื่อเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง
・การใช้งานยานพาหนะเพื่อการท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมนอกเหนือจากการเดินทางในชีวิตประจำวัน
・ทำให้การขึ้นยานพาหนะ (หรือการเดินทาง) กลายเป็นเป้าหมาย ไม่ใช่แค่การเดินทาง

กระแสของ IT ถาโถมเข้าสู่ธุรกิจอาหารเช่นเดียวกับวงการอื่น ๆ นวัตกรรมที่เรียกว่า Food-Tech กำลังพัฒนาไม่หยุดยั้ง หันไปมองตัวอย่างทั่วโลก ก็จะพบว่าธุรกิจสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตวัตถุดิบสังเคราะห์ โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากธุรกิจยักษ์ใหญ่และนักลงทุนจนระดมทุนได้หลายหมื่นล้านเยน เพราะผู้คนคาดหวังว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยแก้ไขวิกฤตขาดแคลนอาหารเมื่อประชากรโลกเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ลักษณะของเทคโนโลยีในแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน ในประเทศจีนมุ่งให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของอาหารเป็นหลัก
ในขณะเดียวกัน ประเทศญี่ปุ่นได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อจัดส่งอาหาร ระบบจ่ายค่าบริการรายเดือน และร้านค้าที่ใช้ระบบ cashless ขึ้นมา แต่ยังไม่มีโซลูชั่นเกี่ยวกับวัตถุดิบ รสชาติ หรือรายละเอียดของตัวอาหารมากนัก
ทางบริษัทนึกถึงแกงกะหรี่ขึ้นมา เนื่องจากแกงกะหรี่ประกอบด้วยเครื่องเทศจำนวนมากถึง 20 - 30 ชนิด เราจึงสร้างสรรค์รสชาติของแกงในโปรเจกต์นี้ เรากำลังมองหาไอเดียเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นปรับระดับความเผ็ดของแกงกะหรี่โดยอัตโนมัติและนำมาใช้ภายในร้านแกงกะหรี่ของเราซึ่งมีแผนจะเปิดในอนาคต จะได้สร้างสรรค์รสชาติที่ถูกใจลูกค้าทุกคน

ในปี 2020 กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้กำหนดให้โรงเรียนระดับประถมศึกษาสอนวิชาโปรแกรมมิ่ง และระบุไว้ใน แผนเร่งรัดหลักสูตรสารสนเทศ (*) ดังนี้
"กระแสโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงของระบบสารสนเทศอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาส่งผลให้สภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เด็ก ๆ ต้องรู้จักคิดด้วยตนเอง ร่วมมือกับคนอื่นในการสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ พร้อมค้นพบและดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหารูปแบบใหม่ เพื่อแสดงศักยภาพของแต่ละคนออกมาให้ได้มากที่สุด" กล่าวคือ สถาบันการศึกษาจะต้องบ่มเพาะทักษะการสร้างสรรค์ การค้นพบ และการแก้ปัญหาให้กับเด็กผ่านการเรียนรู้เรื่องโปรแกรมมิ่ง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ อาจารย์ทุกท่านมิได้ถนัดเรื่องการเขียนโปรแกรม มีหลายกรณีที่อาจารย์ต้องเข้าอบรมก่อนนำมาสอนเด็กนักเรียนอีกทอดหนึ่ง ถ้าหากอาจารย์เหล่านั้นรู้สึกว่าการเขียนโปรแกรมเป็นเรื่องยาก และไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทักษะนี้จะนำไปต่อยอดในเรื่องอะไร ความรู้สึกดังกล่าวคงสื่อไปถึงเด็ก ๆ ส่งผลให้ความสนใจเรื่องโปรแกรมมิ่งเหี่ยวเฉา และขัดต่อจุดประสงค์ดั้งเดิมอย่างชัดเจน。
ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทจึงขอเปิดรับข้อเสนอแนะในการสร้างชุมชนการศึกษาและโครงร่างการพัฒนาบริการซึ่งช่วยกระตุ้นการเรียนการสอนโปรแกรมมิ่ง เพื่อสร้างเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีทักษะด้านนวัตกรรมให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ

Gaiax Co.Ltd. คือ Startup Studio ที่มุ่งแก้ไขปัญหาสังคมโดยใช้การเชื่อมต่อระหว่างผู้คน
เราสนับสนุนด้านการลงทุน การพัฒนาธุรกิจ Back Office และสนับสนุนด้านเทคโนโลยีให้กับนักธุรกิจรายใหม่ โดยเน้นภารกิจในการก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพที่เชื่อมผู้คนเข้าด้วยกันและสร้างแรงกระเพื่อมสู่สังคม
พวกเราเล็งเห็นว่าสังคมยุคปัจจุบันมีปัญหามากมายหลายประการ สังคมบนทัศนคติปัจจุบันมีความบิดเบี้ยวและตัดสินกันโดยไม่มองแก่นที่แท้จริง ความบิดเบี้ยวเหล่านั้นได้กลายมาเป็นปัญหาสังคมและปรากฏออกมาอย่างชัดเจนมากขึ้น
บริษัทของเราจึงต้องการรับสมัครผู้ร่วมท้าทายในโปรเจกต์ Grand Challenge เพื่อสร้างแผนงานใหม่ในการแก้ไขปัญหาสังคมจากไอเดียแหวกแนวไม่ซ้ำใคร

มีคนขนานนามว่าปัจจุบันคือ ยุคสมัยของมนุษย์ 100 ปี ความก้าวหน้าทางการแพทย์ส่งผลให้มนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ยยาวนานขึ้นและมีสุขภาพแข็งแรง แม้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ค่าใช้จ่ายของประกันสังคมด้านการรักษาพยาบาลก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน 1 ใน 3 ของค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวเกิดจากโรคจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตไม่เหมาะสม (lifestyle disease) ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่ป้องกันได้ การป้องกันไม่ให้เกิดโรคดังกล่าวจึงกลายเป็นประเด็นเร่งด่วน และมีการดำเนินมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการให้คำแนะนำด้านสุขภาพจากสมาคมประกันสุขภาพ

บริษัท Suntory ต้องการนำเสนอโซลูชั่นที่ช่วยให้ทุกคนเข้าใจข้อมูลด้านสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม โดยสนับสนุนให้ลูกค้าของเราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสังคมด้านสุขภาพ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงและเพลิดเพลินกับผลิตภัณฑ์ของ Suntory ต่อไปตราบนานเท่านาน

การพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น อินเตอร์เน็ต, SNS และ IoT ทำให้เราสามารถรับข้อมูลข่าวสารทั่วโลกแบบเรียลไทม์ได้ในปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกัน เรายังไม่มีโครงสร้างที่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลทางการแพทย์และข้อมูลศูนย์บริการทางการแพทย์ได้แบบเรียลไทม์

สังคมญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาจำนวนประชากรลดลงและกลายเป็นสังคมสูงวัย นอกจากนี้ ทั่วโลกยังประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและเกิดสถานการณ์รุนแรงจากการก่อการร้ายมากขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคมดังกล่าว ศูนย์บริการทางการแพทย์จำเป็นต้องได้รับข้อมูลทางการแพทย์อย่างทันท่วงที และอาจต้องปฏิบัติหน้าที่ให้การรักษาท่ามกลางภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อยืดอายุของผู้ป่วยและรองรับผู้ป่วยที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าใครก็อยากช่วยชีวิตคนสำคัญ แต่วิธีการดังกล่าวไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยพลังของบุคลากรทางการแพทย์เพียงอย่างเดียว
ในโปรเจกต์ Grand Challenge เราพร้อมเปิดรับไอเดียและรูปแบบการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรวบรวมข้อมูลทางการแพทย์แบบเรียลไทม์เป็นที่แรกของโลก ซึ่งจะทำให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์สะดวกสบายยิ่งขึ้น ไอเดียและเทคโนโลยีดังกล่าวอาจมีส่วนสร้างสังคมที่ทำให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตพร้อมสุขภาพที่แข็งแรงก็เป็นได้

ข้อมูลจากกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมง เปิดเผยว่า ความเสียหายทางการเกษตรที่เกิดจากนกและสัตว์ป่าทั่วประเทศในปี 2017 มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 16.4 พันล้านเยน เกิดพื้นที่เสียหายประมาณ 53,000 เฮกตาร์ และมีผลิตผลทางการเกษตรเสียหายประมาณ 474,000 ตัน นอกจากนี้ เมื่อแบ่งสาเหตุของความเสียหายตามชนิดของสัตว์ พบว่าความเสียหายเกิดขึ้นจากกวาง 5.5 พันล้านเยน หมูป่า 4.8 พันล้านเยน และลิง 900 ล้านเยนโดยประมาณ

ปัญหาดังกล่าวมีแนวโน้มลดลง แต่ก็ยังเป็นประเด็นที่สำคัญเนื่องจากอยู่ในภาคอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐาน มีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมงได้รวบรวมกรณีศึกษาที่ได้ผลดีและตัวอย่างวิธีการแก้ไขปัญหาในแต่ละพื้นที่เอาไว้บนเว็บไซต์

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เราสนใจเทคโนโลยีของโดรนที่รุดหน้าไปมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการทดลองใช้โดรนเพื่อกำจัดนกและสัตว์ป่าหลายวิธีทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่ยังไม่มีการปรับใช้อย่างชัดเจน เนื่องจากติดเงื่อนไขของกฎหมายการบิน ไม่มีผู้พัฒนาหลัก และประสบปัญหาในการทำความเข้าใจกับชาวบ้าน
ในการท้าทายครั้งนี้ เราพร้อมเปิดรับสมัครไอเดีย ข้อเสนอแนะ หรือระบบการกำจัดนกและสัตว์ป่าที่แปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใคร หรือไอเดีย ข้อเสนอแนะ หรือระบบส่งเสริมให้ใช้โดรนกำจัดนกและสัตว์ป่าทั่วประเทศ
ในกรณีที่ต้องการทำการทดลอง เราพร้อมจัดเตรียมพื้นที่ทดลองให้ครับ

ก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ได้ไม่ถึง 20 ปี เทคโนโลยีต่างเติบโตขึ้นอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการพัฒนาซอฟท์แวร์ แต่เทคโนโลยีที่ "ช่วยพัฒนาการสื่อสารและขยายศักยภาพในการสื่อสารของมนุษย์" กลับพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า ผู้คนยังคงใช้งาน UI ด้วยคีย์บอร์ด เม้าส์ และหน้าจอสัมผัสเป็นหลักไม่ต่างจากศตวรรษที่ 20 ท่ามกลางยุคสมัยแห่งความหลากหลาย เทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกให้มนุษย์จำนวนมากมีปฏิ
สัมพันธ์ทางสังคมโดยมีความสอดคล้องกับเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลกำลังเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง
JINS MEME คืออุปกรณ์สุดล้ำที่มาพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับขั้นสูงที่จับการเคลื่อนไหวของดวงตาและการกระพริบตาได้ ภายใต้รูปแบบและน้ำหนักเหมือนแว่นตาทั่วไป

ก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ได้ไม่ถึง 20 ปี เทคโนโลยีต่างเติบโตขึ้นอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการพัฒนาซอฟท์แวร์ แต่เทคโนโลยีที่ "ช่วยพัฒนาการสื่อสารและขยายศักยภาพในการสื่อสารของมนุษย์" กลับพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า ผู้คนยังคงใช้งาน UI ด้วยคีย์บอร์ด เม้าส์ และหน้าจอสัมผัสเป็นหลักไม่ต่างจากศตวรรษที่ 20 ท่ามกลางยุคสมัยแห่งความหลากหลาย
JINS MEME คืออุปกรณ์สุดล้ำที่มาพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับขั้นสูงที่จับการเคลื่อนไหวของดวงตาและการกระพริบตาได้ ภายใต้รูปแบบและน้ำหนักเหมือนแว่นตาทั่วไป JINS ทุ่มเทค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างแว่นตาที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและนำเสนอบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของผู้ใช้งาน
มาลองคิดจากศูนย์ว่า ควรจะใช้ UI แบบใดเพื่อควบคุมการทำงานของ mobile device ให้ได้แบบแฮนด์ฟรีแทนการใช้เมาส์หรือหน้าจอสัมผัสในปัจจุบัน เพื่อร่วมปฏิบัติ UI ที่ใช้พิมพ์ข้อมูลสู่ยุคหลังสมาร์ทโฟนที่ใกล้จะมาถึงในไม่ช้า

ปัจจุบัน สังคมญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ชีวิตของเราได้รับแรงกดดันจากภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น การวางระบบทางการแพทย์ที่เน้นการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันก่อนเกิดโรคจึงกลายมาเป็นกุญแจสำคัญของยุคนี้
JINS MEME คือผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพัฒนา มีฟังก์ชั่นในการเก็บข้อมูลร่างกายหลากหลายรูปแบบโดยไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานแม้จะใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน JINS ทุ่มเทค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างแว่นตาที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและนำเสนอบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของผู้ใช้งาน
เราพร้อมเปิดรับไอเดียในการประยุกต์ใช้ข้อมูลจากเครื่องวัดค่าใน JINS MEME ลองคิดดูว่า หากเก็บข้อมูลบางอย่างอย่างต่อเนื่องจนข้อมูลนั้นสามารถนำไปใช้เป็นดัชนี เป็นข้อมูลสำคัญใช้ในการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพได้จะดีแค่ไหน

เปิดรับสมัครผู้ท้าทายในหัวข้อแปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใคร "เขียนคำว่า "YES" บนทางน้ำไหล"
นักปรัชญาสมัยใหม่ของญี่ปุ่น ชินโซ โมริเคยกล่าวไว้ว่า การศึกษาไม่มีสิ้นสุดเหมือนการเขียนอักษรบนสายน้ำไหล พฤติกรรม การเขียนตัวอักษรบนสายน้ำไหล คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในคำกล่าวโบราณ
แต่เมื่อก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 และเกิดการปฏิวัติด้านเทคโนโลยีมากมายรวมทั้งเทคโนโลยี ICT สิ่งที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็ค่อย ๆ เป็นจริงขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางสู่อวกาศหรือการควบคุมกลไกในร่างกาย
หัวข้อการท้าทายครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะมีใครผสมผสานไอเดียหลากหลายและเทคโนโลยีล้ำเลิศจนค้นพบวิธีการทำให้สำเร็จก็เป็นได้
ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ยังไม่เคยมีใครเขียนตัวอักษรบนสายน้ำไหลได้ จึงไม่มีใครรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง
การประเมินผลในครั้งนี้จึงอาจใช้ความรู้สึกจากสัญชาตญาณค่อนข้างมาก แต่ก็อยากให้ทุกคนร่วมท้าทายไปด้วยกัน
เราจะรอไอเดียแปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใครจากทุกคนครับ!

การใช้สมาร์ทโฟนระหว่างขับรถหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการชนผู้คนหรือสิ่งของต่าง ๆ จึงกลายเป็นพฤติกรรมต้องห้ามและได้รับการตักเตือนอยู่บ่อยครั้ง จะพัฒนาแอพพลิเคชั่นแบบไหนที่ทำให้พฤติกรรมดังกล่าวกลายเป็นเรื่องปลอดภัยขึ้นมา
＊*ห้ามเกิดอุบัติเหตุ ห้ามล้มคว่ำ ห้ามชน อย่างเด็ดขาด

ประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นสังคมสูงวัย สัดส่วนประชากรอายุมากกว่า 65 ปีใกล้แตะ 20% หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ระบบประกันสุขภาพอาจรับภาระเรื่องค่ารักษาพยาบาลไม่ไหว
การป้องกันก่อนเกิดโรคจึงมีความจำเป็นท่ามกลางภาวะการมีบุตรน้อยลง
เราจึงต้องการสร้างพื้นที่เสมือนจริงไว้ดูแลสุขภาพตนเองเพื่อป้องกันการเกิดโรค และเปิดรับสมัครไอเดียในสาขา health care อย่างง่าย ๆ ที่สนุกและไม่เป็นภาระต่อผู้ใช้งานเพื่อนำมาพัฒนาเป็นคอนเทนต์หนึ่งในพื้นที่เสมือนจริงดังกล่าว
อาจเป็นคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเฉพาะทางรู้จักปรับสมดุลทางจิตใจและร่างกายในชีวิตประจำวันให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ หรือคอนเทนต์ที่ช่วยให้ตรวจพบโรคบางอย่างได้รวดเร็วขึ้น เราจะรอไอเดียที่น่าสนใจนะครับ

สิ่งที่ใช้ฆ่าเวลาน่าเบื่อหน่ายระหว่างเดินทางไปเรียนหรือไปทำงานมีแค่ "ดนตรี" อย่างเดียวเหรอ? นี่คือคำถามจาก Radiotalk ที่ต้องการให้คุณส่งไอเดียและคอนเทนต์เข้ามาแก้ปัญหา

เรามี "Blogger" ที่มีเสน่ห์ต่างจากนักเขียนเจ้าของผลงานลิขสิทธิ์ทั้งหลาย มี "YouTuber" ที่ให้อารมณ์ต่างจากดาราในทีวี แต่เราอยากได้ไอเดียแปลกใหม่จากผู้ใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแนวทอร์คโชว์ด้วยตนเองหรือ talk content แนวใหม่เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้กับโสตสัมผัสที่ให้ความรู้สึกต่างไปจากเหล่ามืออาชีพบนหน้าปัดวิทยุ